การซื้อแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ อย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อควรคำนึงถึง ดังนี้

          1. ประเภทของเครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศแบ่งออกเป็นประเภทตามลักษณะความต้องการใช้งาน ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ซึ่งแตกต่างกันไป ทั้งฟังก์ชั่นการทำงาน คุณสมบัติต่างๆ รวมถึงราคา ดังนั้นการเลือกซื้อสินค้าที่ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ และความต้องการใช้งานรวมทั้งได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ์อุตสาหกรรม(สมอ.)
ประเภทของแอร์ ขนาด/BTU จุดเด่น ข้อจำกัด

แอร์บ้านเคลื่อนที่แบบเคลื่อนที่ี่(Portable)

6000 – 15000 BTU

– เคลื่อนย้ายสะดวก
– ไม่ต้องติดตั้งใช้งานได้

– ต้องหาที่ระบายความร้อน
– ต้องระบายน้ำทิ้งเอง
– กระจายความเย็นเฉพาะจุด
– เสียงค่อนข้างดัง

แอร์บ้านแบบติดผนังแบบติดผนัง(Wall Type)

9000 – 36000 BTU

– ทำงานเงียบ
– รูปทรงสวยงาม
– ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย
– มีขนาดบีทียูให้เลือก

– การติดตั้งเฉพาะผนังเท่านั้น
– การกระจายลมแรงลมน้อยกว่า
  แบบตั้งพื้นและแขวนเพดาน

แอร์บ้านแบบตั้งแขวน แบบตั้ง/แขวน(Floor&Ceiling)

12000 – 38000 BTU

– กระจายลมเย็นได้ดี
– สามารถแขวนได้
– สามารถติดตั้งในห้องที่เพดานสูง
   หรือห้องที่มีกระจกรอบด้าน
– เลือกที่จะตั้งพื้นหรือแขวนเพดาน

– มีฟังก์ชั่นการทำงานน้อย
– รูปร่างใหญ่
– ใช้พื้นที่ติดตั้งมาก
– เสียงดัง มีเสียงลมบ้าง
– ไม่เหมาะกับห้องนอน

แอร์บ้านแบบตู้ตั้งแบบตู้ตั้ง(Floor Standing)
25000 – 36000 BTU

– กระจายลมได้ดีแรงและไกล
– เหมาะสำหรับห้องโล่งใหญ่

– ใช้พื้นที่ในการติดตั้งมาก
– ยังไม่มีการทดสอบมาตรฐานเบอร์ 5

          2. ขนาดความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เป็นความสำคัญอันดับแรกๆ ในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ คือต้องเลือกขนาด การทำความเย็น ของเครื่องปรับอากาศให้พอเหมาะกับห้องและการใช้งาน โดยหน่วยความเย็นที่เรารู้จักกันดี เรียกว่า BTU (ฺBritish Thermal Unit) คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ มีหน่วยดังนี้ 1 ตันความเย็น เท่ากับ 12000 BTU/hr.
          3. มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นสินค้าที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จากหน่วยงานไฟฟ้า จะไ้ด้รับรองเรื่องของการประหยัดไฟเบอร์ 5
          4. คุณสมบัติพิเศษต่างๆ และการดีไซน์ คุณสมบัติพิเศษต่างๆ ของเครื่องปรับอากาศ เช่น ฟิลเตอร์กรองอากาศ การกำหนดความเร็ว ความแรงของมอเตอร์ การปรับทิศทางลม การออกแบบเพื่อความสวยงามของห้อง

          5. การติดตั้งและการบำรุงรักษา การติดตั้งเครื่องปรับอากาศต้องทำโดยช่างผู้ชำนาญเท่านั้น และการใช้เครื่องปรับอากาศให้เต็มประสิทธิภาพ ต้องคำนึงถึงแผนการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องอีกด้วย


ใช้เครื่องปรับอากาศอย่างไร ให้ประหยัดไฟ

การใช้เครื่องปรับอากาศอย่างถูกวิธี ปฏิบัติตามเกร็ดเล็ก ๆ น้อยทำให้เครื่องปรับอากาศ ทำงานอย่างประหยัดงาน โดยเริ่มจากการติดตั้งเพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรจะติดตั้งชุดระบายความร้อน (Condensing Unit) ไว้ในตำแหน่งที่เย็น มีร่มเงา ไม่ถูกกับแสงแดดโดยตรง และอยู่ในที่ที่ระบายอากาศได้ดี หมั่นบำรุงรักษาความสะอาด แผ่นกรองฝุ่นทุก ๆ เดือน หรือมากกว่าถ้าจำเป็น นอกจากนี้ควรมีการตรวจเช็คล้างทำความสะอาดปีละครั้ง โดยช่างที่ชำนาญ และตรวจเช็คสภาพครั้งใหญ่ 2 – 3 ปี ต่อครั้ง เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศด้วย

ในการใช้ เครื่องปรับอากาศ ควรใช้เมื่อคิดว่ามีความจำเป็นต้องใช้ถ้าต้องออกจากห้องเป็นเวลามากกว่า 1 ชั่วโมง ควรปิดเครื่องปรับอากาศก่อน และต้องตรวจดูให้แน่ใจด้วยว่าหน้าต่างและประตูได้ปิดสนิทขณะที่เครื่องปรับอากาศ ทำงานอยู่

การตั้งอุณหภูมิให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะทุกองศาของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนั้น หมายถึง การประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ 3 – 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที 25 – 26 องศาเซลเซียส และใช้พัดลมช่วยในการถ่ายเทอากาศให้รู้สึกสบายขึ้น ลดความชื้นภายในห้องให้ต่ำที่สุด และไม่ควรปลูกต้นไม้หรือตากผ้าภายในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ หรือเรียกอีกอย่างว่า แอร์บ้าน